วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เช่ารถยนต์ขับในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยาก

การเช่ารถยนต์ขับในญี่ปุ่น ก็น่าสนใจดีนะคะ มีหลายคนถามมาขับรถในฮอกไกโดยากมั้ย?? ตอบเลยว่า ไม่ยาก ถ้าใครมีใบขับขี่ แค่ไปทำเรื่องขอใบขับขี่สากล เท่านั้นเอง เราก็จะสามารถเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ ค่า ครั้งนี้บัตร JR Rail Pass ของพวกเราหมดแล้ว ตามแผนที่วางไว้ตั้งใจจะเช่ารถขับเที่ยวกัน โดยเช่าจากฟุราโน่และไปคืนที่ซัปโปโร แต่ ๆ พวกเราไม่ได้เช่าล่วงหน้ามาค่ะ เห็นที่ฟุราโน่มีบริษัท TOYOTA Rent A Car อยู่ ก็เข้าไปสอบถามเลยค่ะ (แอบลุ้นว่าจะมีรถไหม)






วิธีไปบริษัท TOYOTA rent a car สาขาฟุราโน่ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เสียดายจัง) จากสถานี JR Furano ให้เลี้ยวซ้ายไปทางร้านเช่าจักรยานค่ะ พอถึงไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายเดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ป้ายจะค่อนข้างใหญ่เลย


วิธีไปบริษัท TOYOTA rent a car สาขาฟุราโน่
เมื่อเจอบริษัทแล้ว ก็เข้าไปติดต่อเช่ารถเลยค่ะ พนักงานพูดภาษาอังกฤษค่อนข้างดีค่ะ สื่อสารกันเข้าใจง่าย ^^ ส่วนรถก็มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ทุกคันติด GPS ภาษาอังกฤษด้วย ส่วนใหญ่บริษัทจะบังคับเราทำประกันภัยรถอยู่แล้วหรือไม่ก็จะติดอยู่ในสัญญาเช่ารถตั้งแต่แรกลองดูกันด้วยนะคะ ราคาค่าเช่ารถที่นี่ไม่แพงอย่างที่คิดเลยนะ แถมมีสาขามากมายกระจายไปทั่วประเทศ ฉะนั้นเราสามารถคืนรถต่างสาขาได้


เข้าไปติดต่อเช่ารถได้เลย

ตารางบัตรทางด่วน

รถที่มีให้เลือก

โชคดีมากที่มีรถตามที่พวกเราต้องการ โดยเลือกคันใหญ่เพราะต้องใส่กระเป๋าเดินทางด้วย จำรุ่นไม่ได้แล้วนะคะ ตามภาพเลยค่ะ ค่าเช่ารถขับ ค่าบัตร etc card เติมน้ำมันให้เต็มถัง รวมราคา 14,391 เยน ตกคนละ 1,223 บาท 


ชำระเงินค่ะ

หลักฐานที่ใช้ในการจองรถและรับรถ
– หนังสือเดินทาง (Passport)
– บัตรเครดิต (เมื่อต้องการชำระด้วยบัตรเครดิต)
– ใบขับขี่สากล (เตรียมของไทยไปด้วยเผื่อเขาจะขอดูค่ะ)
ซึ่งในใบจะกรอก ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ วันและเวลารับรถ วันและเวลาคืนรถ สถานที่รับรถ สถานที่คืนรถ รุ่นรถยนต์ที่ต้องการ จำนวนผู้โดยสาร


ได้รถแล้ว พนักงานจะถอยมาจอดรอพวกเราไปรับรถ

 ตรวจสอบรอยขีดข่วนต่าง ๆ

เมื่อชำระเงินแล้ว ก็ออกมารับรถ ตรวจสอบรอยขีดข่วนต่าง ๆ พร้อมฟังคำอธิบายวิธีการใช้งานของรถ วิธีการใช้ GPS ตาม Map Code ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ สะดวกมาก เราออกไปซิ่งกัน (ด้วยความเร็วไม่เกิน 60-80 กม. ต่อชั่วโมง) 


ฟังคำอธิบายวิธีการใช้งานของรถ

Map Code สะดวกมาก เที่ยวง่ายมาก

สำหรับมือใหม่หัดขับในญี่ปุ่นสบายใจได้เลยค่ะ พวงมาลัยก็ด้านเดียวกับไทย ส่วนถนนนี่มีรถน้อยมาก อยากไปเที่ยวหรือแวะที่ไหนก็ไปได้สบาย เรื่องความปลอดภัยนี่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนด้านหน้าและหลัง


หน้าจอ GPS ใหญ่ดี

เหมือนจะผ่านการใช้งานน้อยมาก ^^

การคืนรถ ก็ไม่วุ่นวายใด ๆ ถ้าจำไม่ผิดจะไม่เสียค่าบริการ หากคืนรถเช่าที่สาขาอื่นในจังหวัดเดียวกัน (ภายในพื้นที่เดียวกันสำหรับฮอกไกโด) แต่ต้องเติมน้ำมันคืนให้เต็มถัง ต้องเก็บใบเสร็จไว้ด้วยค่ะ และปั๊มก็หาไม่ยากใน GPS ก็บอกว่ามีปั๊ม ส่วนการเติมก็ไม่ยากเลยค่ะ พนักงานก็จะแจ้งให้ทราบอยู่แล้วว่าต้องเติมน้ำมันอะไร หากใครไม่มั่นใจก็ให้พนักงานเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ก็ได้ค่ะ


ก่อนคืนรถ เติมน้ำมันปั๊มที่ใกล้ ๆ สถานที่คืนรถค่ะ

พนักงานต้องดึงสายจากข้างบนมาเติมน้ำมัน

พอขับรถกลับมาคืน ตรวจสอบให้แน่ใจว่า‌ได้นำ‌ทรัพย์สิน‌ทั้งหมด‌‌ออก‌จากรถแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็ตรวจเช็คให้เรียบร้อยก็ถือเป็นอันจบทริป ของพวกเรามีฮาค่ะ กว่าจะเข้าเมืองซัปโปโรมาได้ รถติดและมาคืนรถแบบเวลาเฉียดฉิวมาก พอเลี้ยวเข้าไป พนักงานรอรับรถ 2 คน เค้ายิ้มกันใหญ่เลย และแกล้งมองนาฬิกาแซวพวกเรา แต่พนักงานน่ารักมาก ๆ อิอิ ก็ขำขำกันไปที่ไม่โดนปรับ 555++


นำรถมาคืนที่ TOYOTA ซัปโปโร

คืนเรียบร้อยดีค่ะ กลับได้ 555

เมื่อเทียบกับการนั่งรถไฟฟ้าจาก Furano กลับมาซัปโปโร ค่าโดยสารประมาณ 4,140 เยนต่อคน (4 คน ก็ 16,560 เยน) แต่จะไม่ได้แวะที่ไหนเลย ต้องตรงมาซัปโปโรเลย ในราคาใกล้เคียงกัน ค่าเช่ารถกับค่าน้ำมัน ก็ประมาณ 16,000 เยน แต่เช่ารถขับสามารถเที่ยวได้หลายที่เลยค่ะ แวะเข้าห้องน้ำที่เซเว่นก็สะดวก


ขอบคุณน้องเจต ที่ขับรถพาพวกเราเที่ยวค่ะ

อยากบอกว่า ตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เช่ารถขับเที่ยวเพราะสนุกกว่าการเที่ยวแบบรถทัวร์หรือเที่ยวด้วยรถไฟเยอะ อยากแวะไปไหนเมื่อไหร่ก็ได้ แถมสะดวกสบาย สนุกสนานในการเดินทางด้วย GPS ที่แม่นยำมาก บอกเวลาการเดินทางตลอดว่าใช้เวลาเท่าไหร่จะถึงจุดหมายที่เราจะไป หากใครอยากเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นก็ห้ามพลาดนะคะและขอให้เดินทางปลอดภัย เที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกค่า !

วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

รีวิวการเช่าจักรยาน (ไฟฟ้า) ปั่นเที่ยวในญี่ปุ่น

กิจกรรมปั่นจักรยานเที่ยวในญี่ปุ่น เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดเลยนะคะ ซึ่งแหม่มขอแนะนำจักรยานที่จะนำไปปั่นเที่ยวในฟุราโน่และบิเอะกันค่ะ โดยปกติจะมี 2 แบบ คือ จักรยานธรรมดา และ จักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะมีร้านให้เช่าอยู่หลายร้านอยู่นะคะ สนนราคาก็แตกต่างกันไป โดยเฉลี่ยอัตราค่าเช่าจักรยานจะอยู่ที่ 200 เยนต่อชั่วโมง และ 600 เยนสำหรับจักรยานไฟฟ้าต่อชั่วโมง ซึ่งส่วนมากจะเปิดให้บริการตั้งแต 08.00-18.00 น. (แล้วแต่ร้านนะคะ)




จักรยานธรรมดา
ค่าเช่าจักรยาน 200 เยน ต่อ 1 ชั่วโมง
ค่าเช่าแบบเหมาทั้งวัน 1,000 เยน
สภาพรถจักรยานของญี่ปุ่นจะค่อนข้างดีมากเลยค่ะ จักรยานธรรมดาเราจะต้องใช้แรงปั่นเยอะหน่อย แม้จะไม่ประหยัดแรงแต่ก็ประหยัดเงินในกระเป๋านะ อิอิ เหมาะสำหรับปั่นเที่ยวแบบไม่ไกลมากนัก 
ชี้เป้า ร้านเช่าจักรยาน ส่วนมากร้านเช่าจะอยู่หน้าสถานีฟุราโน่ 


จักรยานธรรมดา


จักรยานไฟฟ้า
ค่าเช่าจักรยานไฟฟ้า 600 เยน ต่อ 1 ชั่วโมง
ค่าเช่าแบบเหมาทั้งวัน ส่วนมากจะ 3,000 เยน ก็จะมีหลายราคาตาม Type ที่เช่า 



จักรยานไฟฟ้า


รีวิวการเช่าจักรยานไฟฟ้า

ครั้งนี้แหม่มและแกงค์เช่าจักรยานไฟฟ้ากันค่ะ แฮ่ะๆ เพราะร้านเช่าที่ Bubaushi เป็นจักรยานไฟฟ้าทั้งหมดเลย ราคาก็แรงอยู่นะ แต่เมื่อตั้งใจแล้วก็จัดกันคนละคันค่ะ 


ร้านเช่าที่ Bubaushi


ขั้นตอนการเช่าก็ไม่ยุ่งยาก


1. เลือก TYPE ของจักรยาน
2. จ่ายเงินและให้ร้านถ่าย Passport ไว้

3. ไปเลือกจักรยาน

4. ฟังวิธีใช้จักรยาน
5. นำจักรยานมาคืนตามเวลาที่กำหนด


 ***************

จักรยานจะมี (ตามภาพด้านล่างเลยค่ะ)
🚲  A TYPE – Normal Electric Bike 
🚲  B TYPE – Cute Electric Bike
🚲  C TYPE  – Electric Cross Bike
🚲  E TYPE – Economi Electric Bike


TYPE ของจักรยานไฟฟ้าในร้าน

อันนี้ไม่ต้องเดานะคะเราเช่าแบบไหน พวกเราเลือก A TYPE แบบครึ่งวัน (4 ชั่วโมง) ราคา 2,200 เยน ซึ่งคิดว่าน่าจะเหมาะกับพวกเราที่สุดค่า คือถูกสุดนั่นเอง อิอิ 🚲 😉


ราคาแต่ละ TYPE เลือก TYPE A ค่ะ อิอิ

จ่ายเงินแล้วก็ไปเลือกคันที่เหมาะมือ เหมาะเท้า เหยียดวางเท้าสบาย เลือกได้แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่มาอธิบายวิธีการใช้จักรยานและสถานที่เที่ยว จุดชมวิวต่าง ๆ ที่แนะนำ


จ่ายเงินจะได้ใบกฎระเบียบมาด้วยค่ะ

จักรยานที่นี่มีเยอะเลย

เลือกได้คันที่เหมาะแล้วค่ะ



ก่อนปั่นมาทำความรู้จักจักรยานกันสักหน่อย 

จักรยานที่เช่า ยี่ห้อ Panasonic มีเกียร์ปรับ 3 ระดับ หรือ 3 สปีด มีแบตเตอรี่


จักรยานที่เช่า ยี่ห้อ Panasonic 

แฮนด์ขวา จะมีกระดิ่ง และ จอแสดงหมายเลขเกียร์
เกียร์ 1 จะปั่นแบบชิล ๆ คล้ายจักรยานธรรมดา
เกียร์ 2 ปั่นแบบธรรมดา ขึ้นเนินนิดหน่อย เจ้าหน้าที่แนะนำให้อยู่ 2 ค่ะ
เกียร์ 3 ปั่นขึ้นเนิน ขึ้นเขา 


แฮนด์ขวา

แฮนด์ซ้าย จะมีแผงควบคุมเป็นภาษาญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ก็อธิบายนะ แต่จำไม่ได้แล้ว  >_<  มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ สวิทช์เปิดปิดกล่องควบคุม ความเร็ว ไฟกลางคืน 


แฮนด์ซ้าย

มีไฟท้าย ตระกร้าหน้าสำหรับใส่ของ ที่ล็อคล้อพร้อมกุญแจให้ค่ะ ไปจอดที่ไหนก็ล็อคได้สบายเลย 


ที่ล็อคล้อพร้อมกุญแจ

กุญแจตามนี้เลยค่ะ


ไฟท้ายสำหรับกลางคืน

“กฎหมายของที่ญี่ปุ่น เขาให้ปั่นได้ 1 คนต่อ 1 คัน” ไม่ให้ซ้อนท้าย ควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดค่ะ



เมื่อพร้อมแล้ว ไปปั่นเที่ยวกันค่ะ 😃


อร๊ายยยยยยยย...ปั่นง่ายกว่าจักรยานปกติมากกกกกกกกก กอ ไก่ ล้านตัว 555++ กะเหรี่ยงอย่างพวกเราตื่นเต้นกันมาก แทบไม่ต้องออกแรงเลย อิอิ น้องที่ปั่นไม่เก่ง ไม่มั่นใจนี่ปั่นชิลเลยค่ะ ส่วนแหม่มเล่นปุ่มออโต้ ตั้งแบบไม่ต้องปั่นเลยและแบบไม่ต้องปั่นเยอะค่ะ อิอิ ไหน ๆ ก็เช่าแพงแล้วก็จัดเต็มเลย แต่รถจะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วนะคะ เราต้องคอยเบรคเบา ๆ ด้วย ไม่งั้นมีพุ่งหัวทิ่มได้


ปั่นง่ายมาก สบายแรงมากเลย


การขี่จักรยานไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ปุ่มก็ไม่ต้องคิดไรมาก การขึ้นเนินนี่สบายสุด ๆ แทบไม่ต้องออกแรงเลยค่ะ ทำให้ทริปการปั่นจักรยานชมสวนดอกไม้และทุ่งลาเวนเดอร์ในครั้งนี้ฟินมากมาย เพื่อนที่กำลังคิดจะไปปั่นก็ห้ามพลาดเลยนะคะ ลองสักครั้งแล้วจะติดใจ

วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์ Naka-furano เวลาครึ่งวัน จัดไป 2 ฟาร์ม

ทุ่งลาเวนเดอร์ Naka-furano จ๋า เราจะได้เจอกันแล้วนะ และก็ได้เวลาเดินทางไปฟูราโน่แล้วเป็นเวลาที่รอคอยของทริปเลย น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ลาเวนเดอร์บานเต็มที่ทุกฟาร์มแล้ว โดยเฉพาะที่ Nakafurano Lavender EN และ Tomita Farm




การเดินทาง
จากซัปโปโร JR Sappora -- > (LTD. EXP Furano Lavender Expresss) มาลงสถานี JR Furano ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สถานี JR Furano เป็นสถานีเล็กๆ เดิน 5-6 ก้าว ก็ทะลุจากชานชาลา ไปยังถนนได้สบายล่ะค่ะ





ถึงสถานี furano แล้วค่ะ

รถขบวน Local 

ตรงบันไดทำสวยดีค่ะ

ถ่ายเส้นทางรถไฟตรงนี้ก็สวยดีนะ

ที่พัก Akiba Minshuku เดินจากสถานี JR Furano เพียง 5 นาที ห่างจาก Nakafurano Lavender EN และ Farm Tomita Lavender Field ประมาณ 15 นาที ซึ่งเป็นเป้าหมายของพวกเราในช่วงบ่ายนี้ ตั๋ว JR Pass ยังคงใช้ได้อยู่ก็จัดซะ 


ออกจากสถานีก็เห็นวิวเมือง ลานสกีสวยงาม

สถานีเล็กน่ารักดีค่ะ แต่สะดวกสบายดี


ที่พักของพวกเราในคืนนี้

ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อีกแกงค์มาจาก Sapporo พวกเราก็เข้าไปสอบถามข้อมูลที่ Information Tourism เรื่องเที่ยว Furano กันค่ะ เพราะวันอื่นจะต้องเช่ารถขับกัน และต้องขับไปถึงซัปโปโร ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้เช่ารถของ Toyota (ไว้จะมารีวิวนะคะ) และที่สำคัญขอตั๋วส่วนลดต่าง ๆ ด้วย เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์กันค่ะ บ่ายนี้เราจะเที่ยว Nakafurano Lavender EN และ Tomita Farm


เที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์กันค่ะ 

การเดินทาง 
จาก JR Furano นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี JR Naka-Furano (หากต้องการไป Tomita Farm นั่งไปลงที่สถานี Lavender Batake Station ที่จะเปิดเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว นะคะ)
พอถึง Naka-Furano พวกเรากะเช่าจักรยานกัน แต่หาร้านไม่เจอเลย ก็ต้องเดินกันค่ะ แต่ก็ดีไปอีกแบบนะคะ จะได้เดินชื่นชมธรรมชาติข้างทางไปเรื่อยค่ะ จุดแรกถึงแล้วค่ะ


ลงสถานี JR Naka-Furano

ทางเดินที่เป็นถนน เดินอีกนิดเริ่มเป็นต้นไม้สวยๆ 

Nakafurano Lavender EN
(Choei Lavender Farm: Nakafurano Lavender Park)

สวนลาเวนเดอร์เอนหรือลานสกีฟุราโนะในฤดูหนาว ส่วนในหน้าร้อนลานนี้จะถูกเปลี่ยนไปเป็นเแปลงดอกไม้และทุ่งลาเวนดอร์ เปลี่ยนเนินเขาโฮคุเซให้กลายเป็นสีม่วงสวยงามเลยค่ะ อยู่ใกล้กับสถานี JR Naka-Furano แต่ก็เดินต่ออีก 10 นาที ก็ไกลอยู่นะสำหรับคนที่ไม่ชอบเดิน แต่พวกเราสบายค่ะ 


ถึงแล้วค่ะ Nakafurano Lavender EN

ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปนะคะ

ค่าขึ้นกระเช้า คนละ 300 เยน เด็ก 200 เยน หากมีบัตรลดมาจาก Information Center ที่สถานี JR Furano จะลดได้คนละ 50 เยนเลยนะ ดีนะที่พวกเราได้มาเป็นส่วนลด อิอิ (อย่าลืมแวะขอบัตรส่วนลดนะคะ) 


ค่าขึ้นกระเช้าค่ะ

เรามีบัตรส่วนลดมาด้วย

เมื่อไปถึงแนะนำให้ขึ้นลิฟท์ไปด้านบนสุดเพื่อชมความงามของเมืองอย่างสุดลูกหูลูกตา วันนี้อากาศดี๊ดี เจ้าหน้าที่บอกว่าหากวันไหนที่อากาศดีสามารถเห็นไปถึงเทือกเขาโทคาจิดาเกะได้เลยนะ


ขึ้นกระเช้าก็เห็นวิวสวยแบบนี้

ดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสวยมาก หอมด้วย

เดอะแกงค์กับลาเวนเดอร์

ขอภาพเดี่ยวเป็นที่ระลึกสักภาพค่ะ วิวดี๊ดี
อยากบอกว่าวิวของสวนลาเวนเดอร์เอน อยู่ในช่วงพีคเลยนะ ลาเวนเดอร์กำลังบานเต็มที่ เมื่อถ่ายรูป ชมวิว ชมความงามกันเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินต่อไป Tomita Farm กันเลยนะซึ่งอยู่ใกล้กันค่ะ 


ช่วงพีคดอกไม้สวย

ชอบวิวทุ่งลาเวนเดอร์ที่นี่มากเลย


Tomita Farm ฟาร์มโทมิตะ

ฟาร์มโทมิตะ เข้าชมฟรี และเข้าได้ 24 ชั่วโมง ช่างดีงามจริง ๆ เป็นฟาร์มลาเวนเดอร์ที่ใคร ๆ ก็รู้จักและควรจะต้องแวะเที่ยวสักครั้งนึง เป็นฟาร์มลาเวนเดอร์แห่งแรกของเมืองฟุราโนะ ชื่อนี้คุ้นหู คุ้นตาทุกท่านแน่นอน เพราะเป็นดาวเด่นแห่งฟูราโนะเลยนะ “ฟาร์มโทมิตะ” จะมีความโดดเด่นกับทุ่ง 7 สี “อิโรโดริ” 



ทุ่ง 7 สี “อิโรโดริ” Tomita Farm

จาก Nakafurano Lavender EN เดินไปอีก 10 นาที ระหว่างทางที่เดินไปสดชื่นมากเลยค่ะ แถมเป็นช่วงที่คนไม่ค่อยเยอะด้วยดีจัง ถ่ายรูปเล่นกันสบายเลย จุดเด่นที่สุด ก็คือแปลง Irdori Field แปลงนี้ตั้งใจปลูกให้มีดอกไม้ทั้งหมด 7 สี 7 สายพันธุ์ เรียงกันเป็นแปลงยาวเปรียบเสมือนสีของสายรุ้งที่สวยงามตัดกับท้องฟ้าสีสดใสของหน้าร้อนเป็นอย่างดี ยิ่งไปยืนชมด้านบนจะเห็นเด่นชัดสวยงามมากค่ะ


ทางเข้าไปสวนค่ะ

สีสันสวยงามมาก

เห็นแล้วสวยงามมาก ไม่ผิดหวังเลย

7 สี 7 สายพันธุ์ เรียงกัน

เดินมาอีกฝั่งก็สวยงามเช่นกัน อยู่บนเนินเลยนะ

ถ่ายกับป้ายสักหน่อย

มุมนี้ก็ปลูกลาเวนเดอร์เยอะมาก

เห็นวิวภูเขาสวยงามสุด ๆ

ความสวยงาม กว้างขวางของ tomita farm อีกฝั่งนึงค่ะ

กินไอศกรีมลาเวนเดอร์กันค่ะ

ฟาร์มโทมิตะจะค่อนข้างกว้างมาก มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ส่วนเมล่อน ขนมก็ทำได้น่ากินมาก และห้ามพลาดกับไอศกรีมลาเวนเดอร์นะคะ นอกจากสีจะสวยแล้ว นำมาเป็นพร็อบถ่ายรูปก็สวย อิอิ 
http://www.farm-tomita.co.jp/en


เมล่อนมีแบบเขียวและเหลือง

ไอศกรีม เครื่องดื่ม ก็น่ากิน

,มีคู่รักมาพรีเวดดิ้งด้วย 

เป็นอย่างไรบ้าง แต่ 2 ทุ่งลาเวนเดอร์แรกที่มาถึง Furano ก็ฟินแล้วใช่มั๊ยค่ะ ยังมีที่สวย ๆ อีกเพียบเลยนะคะ จะบอกว่า 2 ฟาร์มนี้ก็กินเวลาไปจนเย็นค่ำเลยค่ะ ได้เวลาเดินกลับไปขึ้นรถไฟแล้ว วันนี้ได้ชมลาเวนเดอร์แบบเต็ม ๆ พรุ่งนี้ค่อยลุยฟาร์มอื่นบ้างค่ะ