การเดินทาง
1. 🚅 จาก Hakodate -- > (LTD. EXP Super Hokuto 1) มาลงที่สถานี JR Noboribetsu ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
รูปปั้นยักษ์ยืนเด่นเป็นสง่าคอยต้อนรับอยู่หน้าสถานีรถไฟ |
2. 🚏 จากสถานี JR Noboribetsu นั่ง Donan Bus ไปยัง Noboribetsu Bus Terminal ค่าโดยสาร 340 เยน ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที รถออกชั่วโมงละ 2 เที่ยว (30 นาที/คัน) มีแวะที่สวนสนุก Date Jidaimaru ทั้งไปและกลับ
*ตอนขึ้นรถบัสแจ้งพนักงานได้นะว่าพักที่ไหน หากรถบัสผ่านเค้าจะจอดให้เลยค่ะ ส่วนพวกเราพักที่ ทากิโมโตะ อินน์ (Takimoto Inn) ลงป้าย Daiichi Takimotoken (N13) แฮ่ะ ๆ จริงแล้วรถบัสผ่านนะ แต่พวกเราไม่รู้ ต้องลากกระเป๋าเดินไปโรงแรมเอง ดีนะที่ไม่ไกลกันมาก ประมาณ 500 เมตรเอ๊งงงงง (ลากเสียงสูง)
ภาพเยอะหน่อยนะคะ เพื่อน ๆ จะได้มั่นใจว่าเดินทางไปไม่ยากเลย
จะมีรถบัสหน้าตาประมาณนี้ หน้าสถานี JR Noboribetsu |
ตารางเวลา และ ค่ารถสุดสายราคา 340 เยนค่ะ |
สถานที่เที่ยวในเมือง Noboribetsu |
ถึงแล้วค่ะ สถานี Noboribetsu Bus Terminal |
จอดส่งตรงนี้เลยค่ะ |
โรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีมากที่สุด |
ถ่ายจากสะพานมาอีกฝั่ง |
แฮ่ะ ๆ จริงแล้วลงป้ายนี้ได้เลย รร. ของเราอยู่ทางซ้าย |
ถึงโรงแรมจัดแจงฝากกระเป๋า แม้ฝนจะตกปรอย ๆ แต่พวกเราก็ออกไปเที่ยวต่อค่ะ ก่อนมาโรงแรมแหม่มเห็นป้ายจาก Noboribetsu Bus Terminal ที่เที่ยวน่าจะใกล้กันมาก แล้วก็จริงที่แรกแค่เลี้ยวซ้ายออกมาจากโรงแรมก็ถึงเลย ก็จะเป็นเสาแท่ง 9 แท่ง 9 สี แหม่มไม่ทราบความหมายนะคะ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นกระบองยักษ์มากกว่าค่ะ ใกล้ ๆ กันก็มีน้ำพุร้อนด้วย
สถานที่เที่ยวที่เล็งไว้ค่ะ |
กระบองยักษ์ |
แฮ่ะ ๆ ถ่ายไม่หมด |
ข้าง ๆ เป็นน้ำพุร้อน |
ยักษ์น้ำเงิน ยักษ์แดง Oni Bokora |
โดนน้องแกล้ง 555 ชอบ ๆ |
จากนั้นก็เลี้ยวขวาตรงไปหุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" (Jigokudani –Hell Valley) เลยดีกว่าค่ะ ทางเดินไปสบายมาก ขึ้นเนินนิดเดียวก็ถึงเลย ฝนก็ตกปรอย ๆ ทำให้คนมาเที่ยวน้อยมาก ส่วนแกงค์แหม่มนี่เหมือนได้เที่ยวส่วนตัวมากเลยค่ะ 555++
ป้ายนี้แสดงว่าใกล้ถึง หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" |
เส้นทางการเดินค่ะ |
เสียดายฝนตก ได้เที่ยวนิดเดียว |
ทางเดินไปหุบเขานรกค่ะ นิดเดียวเอง ^^ |
ถึงไฮไลท์หลักของเมืองแล้วค่ะ ภาพแรกที่มองเห็นหุบเขานรก ทำไมสวยงามเยี่ยงนี้ เป็นบ่อโคลนที่สวยงามสุด ๆ
หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" (Jigokudani-Hell Valley) |
Noboribetsu Jigokudani |
เดินเข้าไปข้างในอีกก็จะเจอจุดที่สามารถลงไปใกล้ ๆ ได้เป็นศาลเจ้าเล็ก น่าจะมีความเกี่ยวพันกับไทยเพราะมีพวงมาลัย ตุ๊กตาไทยวางอยู่ด้วย แต่ฝนตกปรอย ๆ เลยลงไปนิดเดียวเองค่ะ ถ่ายรูปเสร็จรีบเดินขึ้นไป
ศาลเจ้าที่มีพวงมาลัย ตุ๊กตาไทยวางอยู่ |
แล้วก็เดินกันต่อเพราะเห็นสะพานไม้ยาว ๆ อยู่ไม่ไกลมากนัก มองไปรอบ ๆ สวยมากระหว่างเดินชมหุบเขานรกนี้ ก็จะได้กลิ่นกำมะถันลอยเตะจมูกอยู่ตลอดเวลา บางบ่อก็ยังเดือดปุด ๆ อยู่เลย แถมมีควันลอยขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา
ฝนตกก็ยังคงเดินเที่ยวต่อไป |
อยากเดินไปสุดสะพานเลยค่ะ |
สะพานก็มีความลื่นนะคะ |
ธรรมชาติของหุบเขานรกสวยมาก |
บ่อน้ำที่เดือดปุด ๆ |
น่าจะเป็นอุณหภูมิของน้ำค่ะ |
สะพานแถว ๆ นี้ล่ะค่ะ พี่พระนางจากแฟนเดย์ฯ สบตากัน |
และที่บนยอดเขา Noboribetsu มีจุดชมวิวทะเลสาบคุตตะระ (Lake Kuttara) แต่เสียดายไม่ได้ขึ้นไป เพราะฝนตกทางลื่นอันตราย
คำอธิบายของนมแต่ละชนิดมีฮาค่ะ ^^ |
ขากลับเดินลงมาแวะที่อาคารก่อนเข้ามาหุบเขา เจอสิ่งน่ารักอ่ะ มีตู้หยอดเหรียญขายนมเขียนภาษาไทยด้วย แต่แปลออกมาแล้วฮาดี ไปชมตามภาพกันเลยดีกว่าค่ะ
ใครแปลให้ค่ะ "พระคุณของหลายไร่" ชอบมาก 555 |
เดินกลับมาเที่ยวในเมืองต่อดีกว่า ฝนตกก็เที่ยวค่ะ แต่ก็เที่ยวได้ไม่มากนัก
ศาลเจ้า Karakuri-Enmd-do
จะอยู่แถวโรงแรมที่พักเลยค่ะ จะมีโชว์ท่านยมฑูตเปลี่ยนหน้ากากในเวลา 10.00, 13.00, 15.00, 17.00, 20.00, 21.00 น. ซึ่งในแต่ละวันจะมีการแสดง Karakuri show เป็นการแสดงเปลี่ยนสีหน้า ขยับแขน แยกเขี้ยว พร้อมเปิดเสียงประกอบ ต้องรอชมกันนะคะ ก็ตื่นตา ตื่นใจดี เวลาแสดงหน้าหนาวมี 10:00 , 13:00 , 17:00 และ 20:00 น. ส่วนหน้าร้อนจะมีการแสดงรอบ 21:00 น. เพิ่มอีก 1 รอบด้วย
ศาลเจ้า Karakuri-Enmd-do |
รอบการแสดงโชว์ท่านยมฑูตเปลี่ยนหน้ากาก |
สวนหมีโนบอริเบ็ตสึ Noboribetsu Bear Park
เปิด-ปิด 08.30-16.30 น. ค่าเข้าชม 2,520 เยน รวมค่ากระเช้าไป-กลับ (ตอนไปกระเช้าปิด) แต่ด้วยความพยายามก็ขึ้นบันไดไปสวนหมีกันค่ะ ขึ้นไปถึงเจอหมอกหนา แอบเสียดายก็เลยตัดสินใจไม่เข้าไปด้านใน เดินเล่นตรงร้านขายของที่ระลึกไป แต่ขาลงมีรถตู้ไปส่งข้างล่างค่ะ อิอิ ดีเลยไม่ต้องเดิน
Noboribetsu Bear Park |
หมอกลงหนาจัด |
มีรถ รับ-ส่ง ด้วยค่ะ ขากลับไม่ต้องเดิน |
ถนนช้อปปิ้ง Gokuraku
เมือง โนโบริเบทสึ เป็นเมืองเล็ก ถนนสายหลักของเมืองจึงเป็นแหล่งช้อปปิ้ง Gokuraku ช่วงระหว่างสถานีกับหุบเขานรก มีรูปปั้นปีศาจน้อยคอยทักทายของขายก็น่ารักดี มียักษ์เป็นสัญลักษณ์ค่ะ
ในภาพขวามือจะเป็นถนนแหล่งช้อปปิ้ง Gokuraku |
มีรูปปั้นปีศาจน้อยคอยทักทายตลอดถนนค่ะ |
ไปชมบรรยากาศหุบเขานรกในตอนกลางคืนกันบ้างค่ะ พวกเราใส่ชุดยูกาตะเดินไปถ่ายรูปเล่น สนุกดี แต่ห้ามเดินไปข้างในนะคะ
ถ่ายตอนกลางคืน จะเป็นเม็ด ๆ แบบนี้ค่ะ |
ถ่ายกับป้ายตอนกลางคืนบ้าง |
มีเล่นกับไฟด้วย หนาวมือกันค่ะ ภาพเลยสั่น |
นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะมีเทศกาล Onibi Michi ซึ่งแปลว่า ทางเดินแห่งไฟของปีศาจ จะมีการประดับประดาแสงไฟสวยงามตามทางเดินและจะมีการจัดแสดง "ดอกไม้ไฟปีศาจแห่งหุบเขานรก" (Jigoku No Tani No Oni Hanabi) โดยให้ปีศาจจำนวนมากออกมาจุดดอกไม้ไฟกันที่จิโกะขุดะนิในยามค่ำคืนทุก ๆ วันพฤหัสและศุกร์ ไปจนถึงวันที่ 5 สิงหาคมด้วยค่ะ เสียดายอีกแล้วที่พลาดวันไปแค่ 1 วันค่ะ
หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" แบบพาโนรามา |
ทำไมทริปนี้ต้องไป Noboribetsu สำหรับแหม่มการได้มาเที่ยวที่ Noboribetsu ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ ได้เที่ยวหุบเขานรก ได้แวะเยี่ยมพี่หมีสีน้ำตาล ได้ใส่ชุดยูกาตะมาเดินเล่นในเมืองเดินไปจนถึงหุบเขานรกและถ่ายรูปเล่นกัน มี 4 คนเท่านั้นที่เดินไป ชอบบรรยากาศแบบนี้สุด ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น