วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ทำไมทริปนี้ต้องไป Noboribetsu

ทำไมทริปนี้ต้องไปโนโบริเบทสึ (Noboribetsu) ? นะเหรอ ก็ที่นี่น่าสนใจดีนะ เป็นเมืองที่สงบดี ไม่มีความวุ่นวาย สถานที่เที่ยวก็น่าสนใจโดยเฉพาะจุดไฮไลท์ หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" (Jigokudani –Hell Valley) ซึ่งเป็นปากปล่องภูเขาไฟเก่าแห่งเมืองโนะโบะริเบ็ทสึในฮอกไกโดแห่งนี้ มีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติได้ตลอดเวลา มีออนเซนให้แช่อย่างสบายอารมณ์ มียักษ์สีแดง สีน้ำเงิน มีธรรมชาติที่แสนจะงดงาม และใครที่ได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง “แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว” ณ สถานที่นี้เลยที่พระนางสบตากันปิ๊ง ปิ๊ง เป็นฉากที่สวยงามท่ามกลางหุบเขานรก ^^




การเดินทาง 
1. 🚅 จาก Hakodate -- > (LTD. EXP Super Hokuto 1) มาลงที่สถานี JR Noboribetsu ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที


รูปปั้นยักษ์ยืนเด่นเป็นสง่าคอยต้อนรับอยู่หน้าสถานีรถไฟ
สัญลักษณ์แสดงการมาถึงสถานี JR Noboribetsu ก็คือ รูปปั้นยักษ์ยืนเด่นเป็นสง่าคอยต้อนรับอยู่หน้าสถานีรถไฟ ยักษ์ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ก็ว่าได้คะ เพราะตลอดทางที่นั่งรถบัสเข้าไปจะพบเจอกับรูปปั้นยักษ์อยู่ทั่วไปหมด

2. 🚏 จากสถานี JR Noboribetsu นั่ง Donan Bus ไปยัง Noboribetsu Bus Terminal ค่าโดยสาร 340 เยน ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที รถออกชั่วโมงละ 2 เที่ยว (30 นาที/คัน) มีแวะที่สวนสนุก Date Jidaimaru ทั้งไปและกลับ


*ตอนขึ้นรถบัสแจ้งพนักงานได้นะว่าพักที่ไหน หากรถบัสผ่านเค้าจะจอดให้เลยค่ะ ส่วนพวกเราพักที่ ทากิโมโตะ อินน์ (Takimoto Inn) ลงป้าย Daiichi Takimotoken (N13) แฮ่ะ ๆ จริงแล้วรถบัสผ่านนะ แต่พวกเราไม่รู้ ต้องลากกระเป๋าเดินไปโรงแรมเอง ดีนะที่ไม่ไกลกันมาก ประมาณ 500 เมตรเอ๊งงงงง (ลากเสียงสูง)


ภาพเยอะหน่อยนะคะ เพื่อน ๆ จะได้มั่นใจว่าเดินทางไปไม่ยากเลย


จะมีรถบัสหน้าตาประมาณนี้ หน้าสถานี JR Noboribetsu

ตารางเวลา และ ค่ารถสุดสายราคา 340 เยนค่ะ

สถานที่เที่ยวในเมือง Noboribetsu

ถึงแล้วค่ะ สถานี Noboribetsu Bus Terminal

จอดส่งตรงนี้เลยค่ะ

โรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีมากที่สุด

ถ่ายจากสะพานมาอีกฝั่ง


แฮ่ะ ๆ จริงแล้วลงป้ายนี้ได้เลย รร. ของเราอยู่ทางซ้าย

ถึงโรงแรมจัดแจงฝากกระเป๋า แม้ฝนจะตกปรอย ๆ แต่พวกเราก็ออกไปเที่ยวต่อค่ะ ก่อนมาโรงแรมแหม่มเห็นป้ายจาก Noboribetsu Bus Terminal ที่เที่ยวน่าจะใกล้กันมาก แล้วก็จริงที่แรกแค่เลี้ยวซ้ายออกมาจากโรงแรมก็ถึงเลย ก็จะเป็นเสาแท่ง 9 แท่ง 9 สี แหม่มไม่ทราบความหมายนะคะ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นกระบองยักษ์มากกว่าค่ะ ใกล้ ๆ กันก็มีน้ำพุร้อนด้วย 


สถานที่เที่ยวที่เล็งไว้ค่ะ

กระบองยักษ์

แฮ่ะ ๆ ถ่ายไม่หมด

ข้าง ๆ เป็นน้ำพุร้อน
เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นศาลเจ้า ด้านหน้าจะยักษ์น้ำเงิน ยักษ์แดง Oni Bokora 2 ตนนั่งเฝ้าอยู่ ฝนตกขอผ่านก่อน 


ยักษ์น้ำเงิน ยักษ์แดง Oni Bokora

โดนน้องแกล้ง 555 ชอบ ๆ 

จากนั้นก็เลี้ยวขวาตรงไปหุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" (Jigokudani –Hell Valley) เลยดีกว่าค่ะ ทางเดินไปสบายมาก ขึ้นเนินนิดเดียวก็ถึงเลย ฝนก็ตกปรอย ๆ ทำให้คนมาเที่ยวน้อยมาก ส่วนแกงค์แหม่มนี่เหมือนได้เที่ยวส่วนตัวมากเลยค่ะ 555++


ป้ายนี้แสดงว่าใกล้ถึง หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ"

เส้นทางการเดินค่ะ

เสียดายฝนตก ได้เที่ยวนิดเดียว

ทางเดินไปหุบเขานรกค่ะ นิดเดียวเอง ^^

ถึงไฮไลท์หลักของเมืองแล้วค่ะ ภาพแรกที่มองเห็นหุบเขานรก ทำไมสวยงามเยี่ยงนี้ เป็นบ่อโคลนที่สวยงามสุด ๆ 


หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" (Jigokudani-Hell Valley) 

Noboribetsu Jigokudani

เดินเข้าไปข้างในอีกก็จะเจอจุดที่สามารถลงไปใกล้ ๆ ได้เป็นศาลเจ้าเล็ก น่าจะมีความเกี่ยวพันกับไทยเพราะมีพวงมาลัย ตุ๊กตาไทยวางอยู่ด้วย แต่ฝนตกปรอย ๆ เลยลงไปนิดเดียวเองค่ะ ถ่ายรูปเสร็จรีบเดินขึ้นไป


ศาลเจ้าที่มีพวงมาลัย ตุ๊กตาไทยวางอยู่

แล้วก็เดินกันต่อเพราะเห็นสะพานไม้ยาว ๆ อยู่ไม่ไกลมากนัก มองไปรอบ ๆ สวยมากระหว่างเดินชมหุบเขานรกนี้ ก็จะได้กลิ่นกำมะถันลอยเตะจมูกอยู่ตลอดเวลา บางบ่อก็ยังเดือดปุด ๆ อยู่เลย แถมมีควันลอยขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา 


ฝนตกก็ยังคงเดินเที่ยวต่อไป

อยากเดินไปสุดสะพานเลยค่ะ

สะพานก็มีความลื่นนะคะ

ธรรมชาติของหุบเขานรกสวยมาก

บ่อน้ำที่เดือดปุด ๆ

น่าจะเป็นอุณหภูมิของน้ำค่ะ

สะพานแถว ๆ นี้ล่ะค่ะ พี่พระนางจากแฟนเดย์ฯ สบตากัน

และที่บนยอดเขา Noboribetsu มีจุดชมวิวทะเลสาบคุตตะระ (Lake Kuttara) แต่เสียดายไม่ได้ขึ้นไป เพราะฝนตกทางลื่นอันตราย


คำอธิบายของนมแต่ละชนิดมีฮาค่ะ ^^

ขากลับเดินลงมาแวะที่อาคารก่อนเข้ามาหุบเขา เจอสิ่งน่ารักอ่ะ มีตู้หยอดเหรียญขายนมเขียนภาษาไทยด้วย แต่แปลออกมาแล้วฮาดี ไปชมตามภาพกันเลยดีกว่าค่ะ


ใครแปลให้ค่ะ "พระคุณของหลายไร่" ชอบมาก 555

เดินกลับมาเที่ยวในเมืองต่อดีกว่า ฝนตกก็เที่ยวค่ะ แต่ก็เที่ยวได้ไม่มากนัก

ศาลเจ้า Karakuri-Enmd-do
จะอยู่แถวโรงแรมที่พักเลยค่ะ จะมีโชว์ท่านยมฑูตเปลี่ยนหน้ากากในเวลา 10.00, 13.00, 15.00, 17.00, 20.00, 21.00 น. ซึ่งในแต่ละวันจะมีการแสดง Karakuri show เป็นการแสดงเปลี่ยนสีหน้า ขยับแขน แยกเขี้ยว พร้อมเปิดเสียงประกอบ ต้องรอชมกันนะคะ ก็ตื่นตา ตื่นใจดี  เวลาแสดงหน้าหนาวมี 10:00 , 13:00 , 17:00 และ 20:00 น. ส่วนหน้าร้อนจะมีการแสดงรอบ 21:00 น. เพิ่มอีก 1 รอบด้วย 


ศาลเจ้า Karakuri-Enmd-do

รอบการแสดงโชว์ท่านยมฑูตเปลี่ยนหน้ากาก

สวนหมีโนบอริเบ็ตสึ Noboribetsu Bear Park
เปิด-ปิด 08.30-16.30 น. ค่าเข้าชม 2,520 เยน รวมค่ากระเช้าไป-กลับ (ตอนไปกระเช้าปิด) แต่ด้วยความพยายามก็ขึ้นบันไดไปสวนหมีกันค่ะ ขึ้นไปถึงเจอหมอกหนา แอบเสียดายก็เลยตัดสินใจไม่เข้าไปด้านใน เดินเล่นตรงร้านขายของที่ระลึกไป แต่ขาลงมีรถตู้ไปส่งข้างล่างค่ะ อิอิ ดีเลยไม่ต้องเดิน 


Noboribetsu Bear Park

หมอกลงหนาจัด

มีรถ รับ-ส่ง ด้วยค่ะ ขากลับไม่ต้องเดิน

ถนนช้อปปิ้ง Gokuraku
เมือง โนโบริเบทสึ เป็นเมืองเล็ก ถนนสายหลักของเมืองจึงเป็นแหล่งช้อปปิ้ง Gokuraku ช่วงระหว่างสถานีกับหุบเขานรก มีรูปปั้นปีศาจน้อยคอยทักทายของขายก็น่ารักดี มียักษ์เป็นสัญลักษณ์ค่ะ 


ในภาพขวามือจะเป็นถนนแหล่งช้อปปิ้ง Gokuraku

มีรูปปั้นปีศาจน้อยคอยทักทายตลอดถนนค่ะ

ไปชมบรรยากาศหุบเขานรกในตอนกลางคืนกันบ้างค่ะ พวกเราใส่ชุดยูกาตะเดินไปถ่ายรูปเล่น สนุกดี แต่ห้ามเดินไปข้างในนะคะ

ถ่ายตอนกลางคืน จะเป็นเม็ด ๆ แบบนี้ค่ะ

ถ่ายกับป้ายตอนกลางคืนบ้าง

มีเล่นกับไฟด้วย หนาวมือกันค่ะ ภาพเลยสั่น


นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะมีเทศกาล Onibi Michi ซึ่งแปลว่า ทางเดินแห่งไฟของปีศาจ จะมีการประดับประดาแสงไฟสวยงามตามทางเดินและจะมีการจัดแสดง "ดอกไม้ไฟปีศาจแห่งหุบเขานรก" (Jigoku No Tani No Oni Hanabi) โดยให้ปีศาจจำนวนมากออกมาจุดดอกไม้ไฟกันที่จิโกะขุดะนิในยามค่ำคืนทุก ๆ วันพฤหัสและศุกร์ ไปจนถึงวันที่ 5 สิงหาคมด้วยค่ะ เสียดายอีกแล้วที่พลาดวันไปแค่ 1 วันค่ะ



หุบเขานรก "จิโกะขุดานิ" แบบพาโนรามา

ทำไมทริปนี้ต้องไป Noboribetsu สำหรับแหม่มการได้มาเที่ยวที่ Noboribetsu ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ ได้เที่ยวหุบเขานรก ได้แวะเยี่ยมพี่หมีสีน้ำตาล ได้ใส่ชุดยูกาตะมาเดินเล่นในเมืองเดินไปจนถึงหุบเขานรกและถ่ายรูปเล่นกัน มี 4 คนเท่านั้นที่เดินไป ชอบบรรยากาศแบบนี้สุด ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น