วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

Kyushu : Mt. Inasa ภูเขาอินาสะ หนึ่งในแลนด์มาร์คของนางาซากิไปขึ้นกันเถอะ

ถึงนางาซากิแล้วค่ะ ไปที่พัก Check in ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปเที่ยว Mount Inasayama (Mt.Inasa) ต่อเลย แผนของเราต้องไปขึ้นภูเขาอินาสะซึ่งตอนนั้นเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของนางาซากิ ที่มีสัญลักษณ์โดดเด่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องจุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกแห่งนึง จะพลาดได้ไง แต่วันนี้อากาศครึ้มมาก ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่เป็นใจแต่เราก็พร้อมลุย


Mount Inasayama (Mt.Inasa) 


ถึงนางาซากิแล้วค่ะ 


สถานีใหญ่เลยค่ะ
คนน้อยมาก 

การเดินทางไป Mt. Inasa 
รถบัส ขอเริ่มจากหน้าสถานีรถไฟนางาซากิ จะมีป้ายบัสไป ใช้เวลาประมาณ 7 นาที ลงป้าย Ropeway mae เดินขึ้นเขาอีก 2-5 นาที ตามกำลังแรง ^___^ รอต่อ Ropeway ขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาที
รถราง จากหน้าสถานี Nagasaki นั่งสายเบอร์ 1 สีน้ำเงิน / เบอร์ 3 สีชมพู ไปลงสถานีรถราง Takara-Machi (25) เดินต่ออีกประมาณ 15 นาที เดินขึ้นเขาอีก 2-5 นาที รอต่อ Ropeway ขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาทีเช่นกัน



จุดมุ่งหมายของเราเพื่อไปชมแสงสีบนเขาค่ะ


ซื้อตั๋วขึ้นไปชมความงามกันค่ะ


ได้ตั๋วมาอยู่ในมือแล้ว อิอิ

กระเช้าลอยฟ้านี้เป็นกระจกใสรอบทิศสามารถมองเห็นวิวได้ทุกทิศทาง แต่พอดีทัวร์ลงอดกัน เห็นแค่นี้เอง


กระเช้าลอยฟ้านี้เป็นกระจกใสรอบทิศ

พอขึ้นมาถึงบนเขาอินาสะแล้ว ป๊าดดด หมอกหนาเว่อร์ ตอนนี้สั่นไปหมดแล้วค่ะ ไม่ใช่เพราะหนาว แต่กลัวจะไม่ได้เห็นวิวสวย ๆ มากกว่า ไหน ๆ มาถึงที่แล้วก็ขอรอให้สุด ถ้าหมอกยังปิดอยู่ก็คงเลิกหวัง 


ขึ้นมาถึงสถานี Inasa Dake แล้วค่ะ


ขึ้นมาฟ้าปิดซะงั้น

กริ๊ดดดดดดดดดดด ฟ้าช่างปราณีพวกเรา หมอกเริ่มจากลงและเห็นตัวเมืองแล้ว จังหวะนั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก กดชัตเตอร์รัว ๆ ถ่ายไปค่ะ และมองความงามด้วยตาตัวเอง แขนก็เจ็บถ่ายมาไม่มีความชัดเลย ฮือ ๆ แต่ก็อยากให้ทุกคนมาชมด้วยตาตัวเองกันมากกว่าค่ะ วิวสมราคากับเป็นจุดชมวิวสวยอันดับต้นๆ ในประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ ... ต้องขออภัยเพื่อน ๆ นะคะ ภาพไม่มีความสวยเลย >_< ดีสุดคือ 3 ภาพนี้ค่ะ









Mt. Inasa
เวลาทำการและวันหยุด:ไม่มีวันหยุดทั้งปี
ดาดฟ้าชมวิว : 8.00 น. - 22.00 น.
นางาซากิโรปเวย์ : 9.00 น. - 22.00 น.
ค่าธรรมเนียม: นางาซากิโรปเวย์ 1 คนไป – กลับ  (ลองถามที่พัก ส่วนมากจะมีบัตรส่วนลดให้ค่ะ)
บุคคลทั่วไป : 1,230 เยน / เด็กมัธยม : 920 เยน / เด็กประถม : 610 เยน
ข้อมูลที่จอดรถ (ค่าใช้จ่าย): ที่จอดรถจุดชมวิวยอดเขาอินาสะ เปิด 24 ชั่วโมง ค่าจอด : 30 นาที 100 เยน


นั่งรถบัสไปสถานี Nagasaki
หากจะไป Mt. Inasa ก็มาขึ้นตรงได้ค่ะ ตามตารางเวลา

เริ่มหิวแล้วค่ะ กลับกันดีกว่า ฝนเริ่มตกและหนาวแล้วด้วย ขากลับนั่งรถบัสไปลงสถานีนางาซากิ หาอะไรแถวนั้นกินรองท้องไปค่ะ เพราะทุกคนอยากรีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ว่าจะไป Huis Ten Bosch ทั้งวันเลยค่ะ

Kyushu : Saga - ศาลเจ้ายูโตะคุอินาริ Yutoku Inari-Jinja Shrine

ศาลเจ้ายูโตะคุอินาริ Yutoku Inari-Jinja Shrine ที่นี่ตอนแรกไม่ได้อยู่ในแผนเที่ยวเลยค่ะ ตอนไปจะเป็นช่วงแรก ๆ ที่สายการบิน JetStar มาลงที่ฟุกุโอกะ ส่วน Saga หาที่เที่ยวค่อนข้างยาก แต่พอ Search เจอ ศาลเจ้ายูโตะคุอินาริ Yutoku Inari-Jinja Shrine ของจังหวัด Saga เป็น 1 ใน 3 ศาลที่มีชื่อว่า ศาลเจ้ายุโทคุ อินะริ (Yutoku Inari Shrine) อยากไปเลย ขอเพิ่มเลย ดูจากการเดินทางจาก Kumamoto ไป Nagasaki จะผ่าน Saga อยู่แล้ว งั้นไปเที่ยวที่นี่แล้วหาที่ฝากกระเป๋ากัน


ศาลเจ้ายูโตะคุอินาริ Yutoku Inari-Jinja Shrine 

การเดินทาง 
1. จากสถานี Kumamoto เดินทางไปลงสถานี Shin-Tosu แล้วต่อไปสถานี Saga 
2. จากสถานี JR Saga โดยสารรถไฟ JR Nagasaki ลงที่สถานี JR Hizen Kashima ใช้เวลา 20นาที
3. จากสถานี JR Hizen Kashima ดินไปต่อรถบัสอีก 10 นาที ลงที่หน้าศาลเจ้า Yutoku Inari Jinja แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที


จากสถานี Kumamoto ไปลงสถานี Shin-Tosu 


นั่งรถไฟขบวนนี้มา


ลงที่สถานี JR Hizen Kashima มีรูปศาลเจ้าด้วย 


เดินไปที่สถานีรถบัสค่ะ
ค่าโดยสารคนละ 320 เยน
ทางเดินเข้าไปที่ศาลเจ้าค่ะ
แผนผังของศาลเจ้าค่ะ


ถึงศาลเจ้าแล้วค่ะ


เดินเล่นข้ามสะพานมาอีกฝั่งนึงค่ะ


ลำธารใสมาก สวยงามด้วย

การเดินทาง หากยังงง แหม่มมเคยเขียนไว้แล้วเมื่อไปครั้งที่ 2 ไปถ่ายรูปชุดกิโมโนให้น้อง (แล้วทำไมไม่เขียนครั้งแรกก่อน 555++)

ดูเป็นภาพทีละ step ได้จาก http://www.maamjourney.com/2015/yutoku-inari-jinja-shrine-saga/


ก่อนเข้าวัดค่ะ

ศาลเจ้ายุโทคุ อินะริ (Yutoku Inari Shrine) ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1687 เพื่อเป็นที่ประทับแห่งเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ผู้ประทานผลเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ คล้ายศาลเจ้าฟุชิมิอินะริในเกียวโต ปัจจุบันมีผู้ศรัทธาไปสักการะขอความสำเร็จด้านธุรกิจการค้า และความปลอดภัยในอุบัติเหตุทั้งปวง

ด้านข้างของศาลเจ้ายุโทคุ อินะริ (Yutoku Inari Shrine)


ศาลเจ้าสวยมาก ต้องขึ้นบันไดไปค่ะ

รอบนี้ตามไปชมบรรยากาศด้านบนของศาลเจ้ากันบ้างค่ะ วิวดีทีเดียว เดินขึ้นไปยังไม่ทันเหนื่อยก็ได้ไหว้พระขอพร จะเห็นว่าด้านบนมีเสาอินะริด้วย แต่จะไม่เยอะเท่าที่ศาลเจ้าฟุชิมิอินะริแต่ก็ดูขลังดีค่ะ

ด้านบนของศาลเจ้า

ด้านบนมีเสาอินะริด้วย
วิวจากด้านบน สวยงามจังเลย

เมื่อเที่ยวชมศาลเจ้ายุโทคุ อินะริ (Yutoku Inari Shrine) กันอย่างจุใจแล้ว ต้องรีบกลับก่อนรถบัสและรถไฟหมดค่ะ เพราะยังต้องเดินทางไปนางาซากิต่อ ไว้ตามชมที่เที่ยวกันต่อนะคะว่าบล็อกหน้าจะพาไปที่ไหนของนางาซากิกันบ้าง


ขึ้นขบวนนี้ไปนางาซากิกันต่อค่ะ


เที่ยวเสร็จไป Nagasaki ต่อ เข้าที่พัก http://www.nagasaki-hostel.com/ กันต่อค่ะ ฝนเริ่มจะตกอีกรอบล่ะค่ะ

วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

Kyushu : ไปเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์ที่ Kuju Hana Koen Flower Park กัน

อยากบอกว่าที่เกาะคิวชูก็มีทุ่งลาเวนเดอร์นะ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ที่นี่ Kuju Hana Koen Flower Park เป็นสวนดอกไม้ อาจจะมีทุ่งลาเวนเดอร์ไม่เยอะเท่าฟุราโน่ ที่ฮอกไกโด แต่ว่าก็มีพอให้ชื่นใจกันพอหอมปากหอมคอ เปลี่ยนบรรยากาศจากเหนือมาใต้ สวนตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางทิศใต้ของภูเขาคุจุ Kuju สามารถมาเที่ยวชมดอกไม้ที่ผลิบานตามฤดูกาลได้ตลอดทั้งปี (ยกเว้นในช่วงฤดูหนาว) เค้าว่างั้น อิอิ


Kuju Hana Koen Flower Park

และครั้งนี้พวกเราไปเดือนกรกฎาคม ทำให้เจอทุ่งลาเวนเดอร์ด้วย แอบเสียดายที่เจอฝนตก แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการเที่ยวเลย แม้ว่าก่อนมาที่นี่พวกเราจะตกรถไฟเที่ยวแรกของวัน (ไม่ได้สายนะแต่มั่นใจมากว่าไม่ใช่ขบวนนั้น ได้แต่มองรถเคลื่อนผ่านไป) แต่พวกเราไม่ยอมแพ้ รอจนขบวนถัดไปเลยค่ะ >_< อยากเที่ยว แต่ก็เจอข้าวกล่องคุมะมงน่ารักด้วย


เบนโตะ คุมะมง น่ารักมาก

การเดินทาง
นั่งรถไฟไปลงสถานี Bungotaketa แล้วไปต่ออีก 2 วิธีคือ

1.  นั่งแท็กซี่จากสถานีไปจนถึงสวนเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาประมาณ 6,000 เยน
2.  นั่งรถบัสไปยัง Kuju-machi ราคา 500 เยน ใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นให้นั่งแท๊กซี่ไปสวน ราคาประมาณ 2,000 เยน
พิกัด GPS 33.048201, 131.244951


นั่งรถบัสกันก่อนค่ะ


วิวระหว่างทาง สวย สดชื่นดีค่ะ


โอยยยย ธรรมชาติสวยงามสุด ๆ


ต่อด้วยแท๊กซี่ค่ะ

ไปถึงแล้ว มีคำถามไหนล่ะดอกไม้ แฮ่ะ ๆ ต้องซื้อตั๋วเข้าไปก่อนค่ะ บรรยากาศด้านหน้าสวนสบาย สดชื่น


บรรยากาศด้านหน้าของสวน

มาซื้อตั๋วตรงนี้ก่อนค่ะ (ราคาตอนนี้อาจมีการปรับเปลี่ยน)
ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ

สวนดอกไม้คุจุ จะตั้งอยู่ในหุบเขาเลยก็ว่าได้นะ ธรรมชาติสุด ๆ จะมีดอกไม้สลับสับเปลี่ยนตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ (lavender), ดอกทิวลิป (tulips), ดอกทานตะวัน, ดอกป้อปปี้ (poppies), ดอกมอสสีชมพู (Pink Moss), บลูเบอร์รี่ (blue berries) เป็นต้น จะมีทั้งสวนโล่งกว้าง ๆ และแบบเรือนกระจกด้วยค่ะ อากาศดีมาก มองเห็นภูเขาเป็นฉากหลังสวยงาม 


ดูแผนที่ก่อนเดินชมสวนก็ดีค่ะ

มองเห็นภูเขา สายหมอกสวยมาก
ชอบมากเลยค่ะ
เจอแล้วค่ะ ทุ่งลาเวนเดอร์


มีพอให้ถ่ายรูปสวย ๆ กันนิดนึงค่ะ


บรรยากาศดี๊ ดี
ซูมให้เห็นลาเวนเดอร์กันหน่อย
ดอกไม้สวยจัง





** ที่นี่แม้จะสวยงาม แต่เป็นความบทเรียนแห่งทรงจำของแหม่มเอง ที่ต้องมาแขนหักที่นี่ ** ห้ามปีนป่ายถ่ายรูปหลังฝนตกนะคะ เพราะดินร่วนทรุดง่าย ทำให้เก้าอี้ที่ขึ้นไปเหยียบร่วงไปพร้อมกับตัวแหม่ม (เขียนบล็อกแขนหักแล้วจะรีบมาบอก)


ดูจากป้ายนี้ ภูเขาสวยมากเลยค่ะ

มุมนี้เลยค่ะ ก่อนที่จะปีนป่ายจนแขนหัก  >_<

พักเรื่องแขนไปเที่ยวต่อ ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกครบครัน ขากลับพวกเราก็ใช้บริการแท๊กซี่ไปลงที่เดิม ให้เจ้าหน้าที่สวนเรียกให้ค่ะ และรอรถบัสต่อกลับไปสถานี เพื่อรอขึ้นรถกลับคุมาโมโต้ที่พวกเราพัก


เก๋ ๆ มีเป่าลูกโป่งให้ถ่ายรูปเล่นกันด้วย

ขอถ่ายเป็นที่ระลึกสักภาพค่ะ

เข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์  www.hanakoen.com
เวลาเปิด-ปิด 08.30- 17.30 น.
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,300 เยน, เด็ก 500 เยน


กลับมาถึงสถานีแล้ว เป็นสถานีเล็ก ๆ ในหุบเขา


ทราบรถเที่ยวสุดท้าย และ นี่คือราคาตั๋วมาที่นี่ค่ะ

หากจะไป Kuju Hana Koen Flower Park ต้องคำนวณเวลาเที่ยวดี ๆ นะคะ เพราะเที่ยวรถไฟ เที่ยวรถบัส จะมีน้อย หากใช้บริการแท๊กซี่ก็เซฟเวลาดีแต่ราคาแรงอยู่ แต่สำหรับแหม่มสวนดอกไม้ของที่นี่ ชอบนะ รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติดี หากไปหน้าดอกไม้อื่น ๆ คงจะสวยเช่นกัน